กรุงเทพฯ – ล่าสุดวันนี้ (21 เมษายน 2568) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย ซึ่งเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากตกเป็นประเด็นว่าอาจเป็น ‘นอมินี’ ถือหุ้นอำพรางให้กับบริษัทต่างชาติ

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามประกอบด้วย นายมานัส ศรีอนันท์ ผู้ถือหุ้น 0.0003%, นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 10.2%, และ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 40.7997% โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถูกโยงในคดีนี้

แหล่งข่าวจากคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบข้อสงสัยว่าทั้งสามรายอาจไม่ได้มีสถานะทางการเงินหรือความเชี่ยวชาญเพียงพอในด้านวิศวกรรมก่อสร้างหรือการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงในบางกรณี เช่น นายโสภณ มีชัย ที่ถือหุ้นเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัท ทำให้เชื่อได้ว่าอาจเป็นการถือหุ้นในลักษณะ ‘นอมินี’

ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีและขยายผลการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยเฉพาะที่อาจมีการใช้คนไทยเป็นตัวแทนถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ หรือมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการฮั้วประมูลและการปั่นราคา ดังที่เคยมีการเข้าตรวจค้นและจับกุมกรรมการชาวต่างชาติ รวมถึงการสอบสวนกิจการร่วมค้า PKW 4

มีรายงานว่า นอกจากหุ้นในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ แล้ว ดีเอสไอยังพบข้อมูลว่านายมานัส ศรีอนันท์ มีการถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีก 10 บริษัท, นายโสภณ มีชัย ถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีก 4 บริษัท, และนายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้นในนิติบุคคลอื่นอีก 7 บริษัท ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเชื่อมโยงและที่มาที่ไป

ภายหลังการเข้ามอบตัว ทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมเอกสารหลักฐาน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนของลูกความ และยืนยันกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า ทั้งสามคนไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี และขอเวลาให้ได้นำเอกสารเข้าชี้แจงและรับฟังข้อมูลจากพนักงานสอบสวนก่อนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ด้านพนักงานสอบสวนดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามราย และจะดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวร่วมสังเกตการณ์ และมีการจัดทำบันทึกการจับกุม พร้อมอ่านหมายศาลอาญาและพฤติการณ์แห่งคดีให้ผู้ถูกกล่าวหาและทนายความรับฟังอย่างเป็นทางการ ซึ่งในคณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และ พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีฮั้วประมูลฯ

การเข้ามอบตัวในครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในคดีที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคดีพิเศษของดีเอสไอ ซึ่งต้องจับตาดูว่าการสอบสวนจะเชื่อมโยงไปถึงผู้ใดและมีขอบเขตอย่างไรต่อไป