กาญจนบุรี, ประเทศไทย – เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568 สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดกาญจนบุรี ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังกองทัพเมียนมายังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างหนักใกล้พื้นที่ชายแดนไทย แม้ก่อนหน้านี้ทางการไทยจะออกคำเตือนอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม

รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินรุ่น Y-12 ของกองทัพเมียนมา ได้บินเข้าทำการทิ้งระเบิดบริเวณชุมชนบ้านทิกิ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประเทศเมียนมาและอยู่ติดกับชายแดนไทย บริเวณใกล้เคียงด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เบื้องต้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกันประมาณ 10 ลูก สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ติดชายแดนของฝั่งไทยเป็นอย่างมาก

นอกจากปฏิบัติการทางอากาศด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดแล้ว กองทัพเมียนมายังได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงรุ่น Mi-17 จำนวน 3 ลำ ทำการขนย้ายกำลังทหารเข้ามาลงยังบริเวณฐานทิกิ โดยประมาณการว่ามีทหารเข้ามาเสริมกำลังในครั้งนี้กว่า 60 นาย การเคลื่อนไหวทางทหารครั้งใหญ่นี้ มีขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะครั้งใหญ่กับกองกำลังกองพลน้อยที่ 4 ของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา ทางการไทย โดยกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 ได้มีการเข้าเจรจาและแจ้งเตือนไปยังฝ่ายเมียนมาอย่างเด็ดขาดแล้วว่า ห้ามไม่ให้มีการปะทะ หรือปฏิบัติการทางอากาศและทิ้งระเบิดในพื้นที่ที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทยอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยและอธิปไตยของไทย แต่ดูเหมือนว่าคำเตือนดังกล่าวจะถูกละเลยไป

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่บ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า ซึ่งมีบ้านเรือนตั้งอยู่ใกล้กับแนวชายแดน ได้พบเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง Mi-17 ของเมียนมา บินล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของประเทศไทย ชาวบ้านบางส่วนสามารถบันทึกภาพคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กองพลทหารราบที่ 9 ของกองทัพบกไทย ได้เร่งเคลื่อนย้ายกำลังพร้อมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) มุ่งหน้าไปยังบริเวณชายแดน เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมมาตรการในการรักษาน่านฟ้าและอธิปไตยของประเทศไทยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดการล้ำแดน หรือผลกระทบจากปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองฝ่ายในเมียนมาเข้ามายังฝั่งไทย หากมีความคืบหน้าของสถานการณ์ จะมีการรายงานให้ทราบต่อไป