กัน จอมพลัง บุก ตร.ไซเบอร์ ยื่นหลักฐานเว็บพนันโยงคดีดัง! พร้อมชนทุกข้อกล่าวหา-ท้ามงคลกิตติ์ไปพระราม 7
กรุงเทพฯ – เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 เมษายน 2568 ณ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ นายกัน จอมพลัง พร้อมด้วยทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ บช.สอท. เพื่อนำหลักฐานซึ่งเป็นภาพบุคคลที่สวมใส่เสื้อมีข้อความและตัวเลขคล้ายการโปรโมตเว็บไซต์พนันออนไลน์ ในสื่อสังคมออนไลน์ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ
นายกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามาช่วยเหลือในคดีที่คุณตาคุณยายถูกลูกนักการเมืองขับรถ BMW ชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ได้ดำเนินการติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด กระทั่งพบว่ามีบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นทีมงานหรือพรรคพวกของผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว เริ่มออกมาแสดงความคิดเห็น และเมื่อเข้าไปตรวจสอบบุคคลเหล่านี้ ก็พบภาพที่น่าสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพที่บุคคลดังกล่าวนั้นสวมใส่เสื้อซึ่งมีข้อความในทำนองว่า “เบ็ดๆ ที่ไม่ใช่เบ็ดตกปลา” รวมถึงตัวเลข “888” และคำว่า “กาสิโน” จึงเกิดความสงสัยว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย
นายกันฯ ได้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานในส่วนนี้มามอบให้ตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ทำการตรวจสอบและสืบค้นข้อมูลเชิงลึกว่ามีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายคอมพิวเตอร์หรือการพนันออนไลน์หรือไม่ และหากพบว่าเกี่ยวข้อง ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่
“ผมอยากขอบคุณ พล.ต.ท. ไตรรงค์ และตำรวจไซเบอร์ทุกท่านที่ให้การต้อนรับและรับเรื่องในวันนี้ ผมเชื่อมั่นว่าเรื่องนี้จะได้รับความกระจ่างอย่างแน่นอน และขอฝากไปถึงประชาชนทั่วไปว่า หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถส่งข้อมูลมาให้ผมได้ ผมจะนำข้อมูลทั้งหมดมามอบให้กับตำรวจไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมาท่านทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” นายกัน กล่าว
ในส่วนของประเด็นที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อ้างว่ามีผู้ตั้งค่าหัวตน 1 ล้านบาท และมีการมัดจำแล้ว 500,000 บาทนั้น นายกัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงไปอย่างสุภาพแล้วว่า เรื่องนี้ตนดูแลได้ ไม่ต้องเป็นห่วง และอยากให้นายมงคลกิตติ์กลับไปดูแลหรือให้ความสนใจในพื้นที่แถวพระราม 7 มากกว่า
นายกัน ยอมรับว่าข้อความดังกล่าวอาจทำให้คนฟังรู้สึกกลัวได้ แต่ยืนยันว่าข้อมูลที่นายมงคลกิตติ์พูดในครั้งก่อนๆ ก็ไม่เป็นความจริง รวมถึงการอ้างว่ามีคนมากดดันหรือสั่งให้พี่ชายโทรหาตนนั้นเป็นเรื่องมั่ว ตนรักษาท่าทีมาตลอด และเคยมีการพูดคุยตรงๆ กับนายมงคลกิตติ์ในประเด็นการช่วยเหลือคุณตาคุณยาย ซึ่งตอนนั้นอีกฝ่ายบอกว่าจะให้มูลนิธิดูแลหากคู่กรณีไม่จ่าย แต่การออกมาพูดลักษณะนี้ดูไม่ตรงไปตรงมา
สำหรับกรณีที่มีฝ่ายตรงข้ามท้าให้ตรวจสอบตนเอง นายกัน จอมพลัง กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ผมมาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่าผมผ่านการตรวจสอบมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากตำรวจนครบาล หรือหลายๆ หน่วยงาน รวมถึงสรรพากร ผมพร้อมเสมอสำหรับการตรวจสอบ ผมมาเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านด้วยใจจริง ไม่ใช่นักตีกิน ตบทรัพย์ หรือแสวงหาผลประโยชน์จากการช่วยเหลือประชาชน ผมกล้าชนทุกเรื่อง”
พร้อมกันนี้ นายกันฯ ได้กล่าวถึงกรณีที่คุณหมอคนหนึ่งออกมากล่าวหาว่าตนทำเว็บพนัน และท้าให้ตรวจสอบเรื่องนี้ว่า ตนได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการฟ้องร้องแล้ว และขอให้อีกฝ่ายนำหลักฐานออกมา หากมั่นใจว่าตนทำจริง ยินดีที่จะถูกตรวจสอบ และสงสัยว่าหากมั่นใจเหตุใดจึงต้องลบโพสต์และปิดเฟซบุ๊ก ยืนยันไม่เคยกังวล พร้อมสู้ในทุกทิศทาง
นอกจากนี้ นายกัน จอมพลัง ยังได้ชี้แจงประเด็นเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคุณตาคุณยาย โดยยืนยันว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างว่าตนถอยหรือญาติไม่รับเงินนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อวานนี้ญาติยังต้องนำทรัพย์สินไปจำนำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษา และจากการสอบถามผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็ทราบว่ายังไม่มีผู้ใดมาติดต่อขอจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้แต่อย่างใด ตนจึงต้องใช้เงินส่วนตัว เงินจากมูลนิธิ และ พ.ร.บ. รวมกันจ่ายไปก่อน พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการที่อีกฝ่ายมีการขอถ่ายเอกสารและทำสำเนาเอกสารก่อนให้โรงพยาบาลรับ ว่าเป็นการกระทำเพื่อเก็บหลักฐานหรือไม่
ด้าน พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบหลักฐานที่นายกัน จอมพลัง นำมามอบให้ว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลและภาพถ่ายแล้ว โดยจะต้องนำไปตรวจสอบในรายละเอียดเชิงลึกต่อไป โดยเฉพาะข้อความและตัวเลข “ISB888” ที่ปรากฏบนเสื้อ รวมถึงข้อความหรือคำพูดอื่นใดที่อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
ผู้บัญชาการ บช.สอท. ยอมรับว่า ตัวเลข “888” เป็นตัวเลขที่กลุ่มเว็บพนันออนไลน์มักนิยมใช้ ซึ่งอาจมองว่าเป็นเลขมงคล แต่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นเว็บเก่าที่กลับมาเปิดใหม่ หรือเป็นเว็บใหม่ที่ยังไม่เคยถูกดำเนินคดี รวมถึงการตรวจสอบประวัติของบุคคลที่ปรากฏในภาพว่าเคยมีประวัติการกระทำความผิดหรือไม่
พล.ต.ท. ไตรรงค์ ยืนยันว่า จะให้เวลาพนักงานสอบสวนในการรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล หากพบว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดก็จะเชิญเข้ามาให้ข้อมูล และเน้นย้ำว่าจะดำเนินคดีกับทุกคนที่พบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงการกระทำความผิด โดยไม่มีความกังวลใจใดๆ ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้องจะมีภาพลักษณ์ทางสังคมอย่างไรก็ตาม