เรื่องราวสุดสะเทือนใจแต่แฝงด้วยบทเรียนสำคัญ ถูกถ่ายทอดผ่านเพจ คลินิกเฉพาะทางกระดูกและข้อหมอยิ่งยศ เมื่อคุณหมอได้เปิดเผยเคสผู้ป่วยเด็กวัยเพียง 9 เดือน ที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุรถยนต์รุนแรง ซึ่งพรากชีวิตพ่อ แม่ และยายไปพร้อมกัน

คุณหมอยิ่งยศเล่าว่า ได้รับแจ้งเคสผู้ป่วยเด็กอายุ 9 เดือน ที่ต้องแอดมิตในห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) ด้วยสาเหตุจากอุบัติเหตุรถยนต์ เมื่อได้ตรวจสอบฟิล์มเอกซเรย์เบื้องต้น พบเพียงกระดูกขาหักเล็กน้อย ลักษณะย่นๆ ยู่ๆ ซึ่งคาดว่าจะไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เพียงแค่ใส่เฝือก 3-4 สัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ คุณหมอจึงไม่ได้กังวลในส่วนของการบาดเจ็บทางกระดูก และคิดว่าการที่น้องต้องอยู่ ICU อาจเป็นเพราะภาวะฉุกเฉินของแผนกอื่น

เมื่อขึ้นไปเยี่ยมที่ ICU คุณหมอพบพยาบาลกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้งอแงอยู่ โดยที่ขาซ้ายใส่เฝือก คุณหมออุทานออกมาด้วยความโล่งใจว่าอาการไม่ได้แย่อย่างที่คิด และสอบถามถึงพ่อแม่ของเด็กเพื่อพูดคุย แต่คำตอบที่ได้จากพยาบาลทำให้คุณหมอถึงกับจุกในอก

พยาบาลตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พ่อแม่น้องเสียแล้วค่ะอาจารย์”

คุณหมอตกใจมาก พยาบาลจึงเล่าต่อว่า “ค่ะอาจารย์ พ่อแม่ แล้วก็ยายด้วย ทุกคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุหมดเลย มีน้องรอดมาได้คนเดียว น้องไม่เหลือใครแล้วค่ะ”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนท้ายรถบรรทุกอย่างรุนแรง ทำให้รถพังยับเยิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พยาบาลเล่าด้วยความรู้สึกสะเทือนใจว่า “เมื่อวานนี้ พวกหนูร้องไห้กับเคสนี้ไปหลายรอบเลยค่ะ”

คุณหมอยิ่งยศถึงกับอุทานเบาๆ ว่า เด็กน้อยคนนี้รอดมาได้อย่างไร “นี่ห้อยพระอะไรเนี่ย” พยาบาลจึงตอบว่า “ไม่ได้ห้อยอะไรเลยค่ะ มีแต่หลวงพ่อ car seat แหละที่ช่วยไว้”

จากเรื่องราวนี้ คุณหมอยิ่งยศแม้จะยอมรับว่าไม่ใช่คนรักเด็ก แต่ก็รู้สึกจุกในอกอย่างมากกับชะตากรรมของหนูน้อย และอวยพรขอให้น้องเติบโตขึ้นอย่างดี ใช้ชีวิตที่มีคุณค่า และมีความสุขในภายภาคหน้า

บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์

คุณหมอได้ทิ้งท้ายถึงข้อคิดที่ได้จากเคสนี้ ประการแรกคือ ความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะบนถนนที่ค่อนข้างตรงและวิ่งยาวๆ เช่น ถนนเพชรเกษม (ซึ่งเป็นเส้นทางที่คุณพ่อของน้องกำลังขับกลับจากภาคใต้) ถนนลักษณะนี้มีโอกาสสูงที่จะเกิดอาการหลับในหรือเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ความเร็วสูง คุณหมอจึงเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่ทุกคนขับขี่ด้วยความปลอดภัย หากรู้สึกง่วงให้จอดพักนอนเสียก่อน เป็นสิ่งที่ควรทำและคุณหมอก็ทำบ่อย

อีกประการที่สำคัญอย่างยิ่งคือ คาร์ซีท (car seat) เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับเด็กเล็ก มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมหาศาล เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อใด และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่ทุกคนด้วย.

เรื่องราวนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนให้เห็นถึงความเปราะบางของชีวิตบนท้องถนน และความสำคัญของมาตรการด้านความปลอดภัย ทั้งพฤติกรรมการขับขี่ที่รอบคอบ และอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ซ้ำอีก.