ลิเวอร์พูล เฉือน เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0! จ่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ส่งจิ้งจอกสยามตกชั้นอย่างเป็นทางการ

ลิเวอร์พูลขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ชนิดแค่ใกล้เอื้อมเต็มที หลังบุกไปเฉือนเอาชนะ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ด้วยสกอร์ 1-0 ในเกมการแข่งขันเมื่อคืนวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมส่งผลให้เลสเตอร์ ซิตี้ ตกชั้นจากลีกสูงสุดอย่างเป็นทางการแล้ว

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสำคัญเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ณ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างหนัก เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่ต้องการชัยชนะเพื่อการันตีตำแหน่งแชมป์ให้เร็วที่สุด

เกมนี้เจ้าบ้านเลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ [ชื่อผู้จัดการทีม ถ้ามีในข่าวต้นฉบับ หรือระบุแค่ว่าเจ้าบ้าน] จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำโดย เจมี วาร์ดี กองหน้าตัวเก๋า พร้อมด้วย บิลัล เอล คานนูสส์ และสเตฟี มาวิดิดี ในแนวรุก ขณะที่ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่น้อยหน้า ส่งผู้เล่นตัวหลักอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, โดมินิก โซโบสไล และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นตัวชูโรงในเกมบุก

เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ หลุยส์ ดิอาซ แทงบอลเข้าเขตโทษให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปแปด้วยซ้าย แต่บอลกลับพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 10 เป็นโอกาสของเจ้าบ้านบ้าง สเตฟี มาวิดิดี ลากบอลลุยมาจากกราบซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ วิลเฟรด เอ็นดิดี ที่ล็อคเข้าซ้ายแล้วยิงจากนอกกรอบ บอลพุ่งแรงแต่ไปชนเสาเช่นกัน ทำให้สกอร์ยังคง 0-0

เกมดำเนินไปอย่างสูสี ทั้งสองทีมมีจังหวะเข้าทำประตูหลายครั้ง โดยเฉพาะลิเวอร์พูลที่มีโอกาสลุ้นจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กักโป และ คอสตาส ซิมิคาส แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ แมดส์ เฮอร์แมนเซน ผู้รักษาประตูของเลสเตอร์ที่โชว์ฟอร์มเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

กลับมาในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังคงเป็นฝ่ายครองเกมและสร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 49 โดมินิก โซโบสไล ลองส่องไกลจากระยะ 25 หลา แต่ก็ยังติดเซฟของ เฮอร์แมนเซน นาทีที่ 57 คอสตาส ซิมิคาส ได้ยิงในเขตโทษจากจังหวะชุลมุน แต่ก็ยังถูกผู้รักษาประตูเลสเตอร์พุ่งออกมาบล็อกได้อย่างเหลือเชื่อ

นาทีที่ 67 เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้เฮลั่นสนามจากจังหวะลูกฟรีคิกที่บอลลอยเข้ามาหน้าประตู แพตสัน ดากา ชนกับ อลิสซอน เบ็กเกอร์ ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ก่อนที่ คอเนอร์ โคดี จะโขกเข้าไปตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะฟาวล์ของ ดากา เสียก่อน ทำให้ประตูนี้ไม่ได้รับการยอมรับ

จนกระทั่งนาทีที่ 76 ประตูชัยของเกมก็เกิดขึ้น! จากจังหวะที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายแย่งบอลกันอยู่หน้าประตูเลสเตอร์ บอลกระดอนไปมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้โหม่งไปชนเสา ดิโอโก โชตา ตามไปยิงซ้ำก็ยังไปชนคานอีกครั้ง แต่บอลยังไม่เคลียร์ขาด ยังอยู่ในเขตอันตราย บอลมาเข้าทางปืนของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาตัวเก่งของลิเวอร์พูลที่รออยู่หน้าเขตโทษ เขาตัดสินใจยิงด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งทะลักผ่านการป้องกันของ แมดส์ เฮอร์แมนเซน เข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 และเป็นประตูเดียวในเกมนี้

จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเก็บชัยชนะเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จด้วยสกอร์ 1-0

จากผลการแข่งขันนี้ ทำให้สถานการณ์ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 79 คะแนน จาก 33 นัด รั้งตำแหน่งจ่าฝูงอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแต้มนำอันดับที่ 2 อย่าง อาร์เซนอล ถึง 13 คะแนน (เมื่อเทียบจำนวนนัดที่เท่ากันคือ 33 นัด) ทำให้สถานการณ์ในการลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลสดใสอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการอีกเพียง 3 คะแนนจาก 5 นัดที่เหลือเพื่อการันตีตำแหน่งแชมป์ หรือแม้กระทั่งหาก อาร์เซนอล ไม่สามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ในเกมกลางสัปดาห์หน้าได้ ลิเวอร์พูลก็จะได้ฉลองแชมป์ทันทีโดยไม่ต้องลงสนาม

ในส่วนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ส่งผลให้พวกเขามีเพียง 18 คะแนน รั้งอันดับที่ 19 ของตาราง ทำให้ตกชั้นจากศึกพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการแล้วในฤดูกาลนี้ กลายเป็นทีมที่ 2 ต่อจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ร่วงลงสู่ลีก แชมเปี้ยนชิพ ไปก่อนหน้านี้

สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจในวันเดียวกันมีดังนี้:

  • ฟูแลม แพ้ เชลซี 1-2
  • อิปสวิช ทาวน์ แพ้ อาร์เซนอล 0-4
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1

ชัยชนะของลิเวอร์พูลในเกมนี้จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการลุ้นแชมป์ของพวกเขา ในขณะที่เป็นค่ำคืนที่น่าเศร้าสำหรับแฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องเห็นทีมรักตกชั้นจากลีกสูงสุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *