เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางกัปตันทีมมากประสบการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายอมรับด้วยความประหลาดใจว่า เขาไม่ได้รับข้อเสนอเรื่องสัญญาฉบับใหม่จากทางสโมสรเลยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอำลาถิ่นเอติฮัด สเตเดียม หลังจบฤดูกาลนี้

ดาวเตะทีมชาติเบลเยียมวัย 33 ปี ได้เคยประกาศเจตนารมณ์เกี่ยวกับการอำลาทีมเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่สัญญาฉบับปัจจุบันของเขากำลังจะสิ้นสุดลง

ล่าสุด ในบทสัมภาษณ์ที่เปิดเผยผ่านทางสำนักข่าวบีบีซี เควิน เดอ บรอยน์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ผมไม่ได้รับข้อเสนออะไรเลยตลอดทั้งปี พวกเขาแค่ตัดสินใจ”

“แน่นอนว่าผมค่อนข้างเซอร์ไพรส์ แต่ผมแค่ต้องยอมรับมัน พูดตามตรง ผมคิดว่าผมยังสามารถโชว์ฟอร์มในระดับนี้อย่างที่ผมกำลังแสดงให้เห็นได้อยู่ แต่ผมเข้าใจว่าสโมสรจำเป็นต้องตัดสินใจ”

คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้เจ้าตัวจะยังเชื่อมั่นในศักยภาพและความฟิตของตนเองว่ายังคงอยู่ในระดับสูงที่สามารถเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมได้ แต่การไม่มีข้อเสนอจากสโมสรทำให้เขาต้องยอมรับการตัดสินใจของทีมและเตรียมพร้อมสำหรับเส้นทางใหม่

สำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โวล์ฟสบวร์ก ในปี 2015 ตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม เขาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกและมีส่วนร่วมอย่างยิ่งในการพาทีมประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล

สถิติการคว้าแชมป์ของเขากับสโมสรนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยมีถ้วยรางวัลรวมกันถึง 16 รายการ ประกอบด้วย แชมป์พรีเมียร์ ลีก 6 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย, แชมป์ลีก คัพ 5 สมัย, แชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อปี 2023 และ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย

การจากไปของ เควิน เดอ บรอยน์ จะนับเป็นการปิดฉากตำนานหนึ่งบทบาทในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับทีม แม้ว่าสโมสรจะมีการวางแผนสำหรับอนาคตก็ตาม การตัดสินใจไม่ยื่นสัญญาใหม่ให้กับผู้เล่นระดับโลกเช่นเขา ทำให้เกิดคำถามถึงทิศทางการบริหารจัดการทีมในระยะยาว.