ซูเปอร์โพลชี้คนไทย ‘กลัวเงินไม่พอใช้’ กว่า 80% ห่วงปัญหาปากท้องพุ่งสูง! แต่ยังเชื่อมั่น ‘แพทองธาร’ หวังนำประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ, 20 เมษายน 2568 – ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดสะท้อนภาพความกังวลสูงสุดของประชาชนไทยต่อปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความกลัวเงินไม่พอใช้และค้าขายไม่ดีที่พุ่งสูงถึงกว่าร้อยละ 81 ขณะเดียวกัน ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ด้วยความหวังที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์.

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,215 ราย ระหว่างวันที่ 15-19 เมษายน 2568 ในประเด็นสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง

ความกังวลปัญหาเศรษฐกิจพุ่งสูง

ผลสำรวจชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความหวาดกลัวต่อภัยเศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาอันดับหนึ่งที่ประชาชนสัมผัสได้จริง โดยพบว่า:

  • ร้อยละ 81.9 กลัวเงินไม่พอใช้ กลัวเศรษฐกิจแย่ ข้าวของราคาแพง ค้าขายไม่ดี
  • ร้อยละ 75.2 กลัวเงินออม เงินเก็บ ลดลง กลัวเงินหมด
  • ร้อยละ 62.2 กลัวนโยบายรัฐบาลทำไม่ได้จริง กลัวนโยบายรัฐมีผลต่อเงินในกระเป๋า
  • ร้อยละ 61.8 กลัวสงครามการค้าโลก กลัวราคาน้ำมันพุ่ง กลัวภาษี
  • ร้อยละ 53.5 กลัวตกงาน กลัวถูกลดเงินเดือน กลัวถูกลดชั่วโมงทำงาน

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า ปัญหาปากท้องและความมั่นคงทางการเงิน กำลังกัดกร่อนความรู้สึกปลอดภัยของประชาชน และอาจทำให้ประชาชนเข้าสู่โหมดการเอาตัวรอดมากกว่าการวางแผนระยะยาว.

ความเชื่อมั่นต่อนายกฯ ‘แพทองธาร’ ยังคงอยู่

ในมิติทางการเมือง ผลสำรวจเผยว่า ความนิยมและเชื่อมั่นต่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย:

  • ร้อยละ 60.3 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด ด้วยเหตุผลที่นโยบายตอบโจทย์คนรายได้น้อย แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นผู้หญิงคนรุ่นใหม่ เก่ง ทำงานเร็ว มีบารมี ภาพลักษณ์ดี สื่อสารตรง และปรับตัวเก่ง
  • ร้อยละ 24.8 เชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย โดยมีเหตุผลด้านขาดประสบการณ์ ยังไม่เห็นผลงาน กังวลนโยบาย และมองว่าอาจเห็นแก่พวกพ้อง

ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า น.ส.แพทองธาร ยังคงได้รับแรงสนับสนุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีจุดแข็งที่ภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ นโยบายที่จับต้องได้ และการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชน.

ความรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐ

สำหรับประเด็นความปลอดภัยและความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ผลสำรวจมีความซับซ้อน โดย:

  • ร้อยละ 68.2 รู้สึกตกใจและไม่เชื่อมั่น เมื่อเห็นกลุ่มคนหรือขบวนการออกมาคุกคามประชาชน
  • อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 62.4 รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ เมื่อเห็นตำรวจออกตรวจตราหรืออยู่ในที่เกิดเหตุ
  • ร้อยละ 60.5 รู้สึกเชื่อมั่น เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐชี้แจงข้อสงสัยและเยียวยาความเสียหายได้ดี
  • ขณะที่ร้อยละ 54.1 รู้สึกตื่นตกใจ เมื่อเห็นทหารหรือคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐออกมาถืออาวุธ

ผลลัพธ์ส่วนนี้บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการถืออาวุธหรืออำนาจเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับบทบาท พฤติกรรม และการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์และให้บริการประชาชน

ความสุขหลังสงกรานต์ที่ยังไม่ยั่งยืน

เมื่อสอบถามถึงดัชนีความสุขหลังเทศกาลสงกรานต์ พบว่า ประชาชนร้อยละ 40.7 กลับมารู้สึกทุกข์เหมือนเดิมหรือทุกข์มากขึ้น ส่วนใหญ่มาจากปัญหาเศรษฐกิจและการไม่มีงานทำ ขณะที่ร้อยละ 34.5 มีความสุขเหมือนเดิมถึงเพิ่มขึ้น จากความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและชุมชน.

โดยสรุป ผลสำรวจซูเปอร์โพลครั้งนี้ ตอกย้ำว่าความกังวลด้านเศรษฐกิจเป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข ในขณะที่ความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีและตำรวจในการทำหน้าที่เชิงบวก ยังคงเป็นเสาหลักสำคัญที่ประชาชนหวังพึ่งพาในสถานการณ์ปัจจุบัน.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *