EXIM BANK คลอด 5 มาตรการเร่งด่วน! ช่วยเอสเอ็มอีไทย ฝ่าวิกฤตภาษีสหรัฐฯ รัฐบาลพร้อมหนุนเต็มที่

กรุงเทพมหานคร – เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่กำลังเผชิญหน้ากับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ที่ประกาศใช้โดยประเทศสหรัฐอเมริกา

น.ส.ศศิกานต์ ระบุว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มศักยภาพในการปรับตัวให้กับผู้ประกอบการไทย รัฐบาลได้ทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ซึ่งล่าสุด EXIM BANK ได้ออกมาตรการพิเศษรวม 5 ด้าน เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ดังกล่าว

ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของปัญหา โดยประมาณการว่ามีผู้ประกอบการ SMEs ไทยจำนวนถึง 3,700 รายที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยคิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบสูงถึง 7,634 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับมาตรการทั้ง 5 ด้านที่ EXIM BANK จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย มีรายละเอียดดังนี้:

  1. การจัดตั้งคลินิกผู้ประกอบการ (Export Clinic): EXIM BANK ได้จัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือแบบครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบ โดยเน้นการสนับสนุนทางการเงินผ่านมาตรการเยียวยา เช่น การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ได้สูงสุดถึง 365 วัน การเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดภาระ
  2. การให้คำปรึกษาและข้อมูลเชิงลึก: ธนาคารพร้อมให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการผ่านทุกช่องทางการติดต่อ รวมถึงให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการปรับตัวหรือบริหารจัดการธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยง
  3. การสนับสนุนการขยายตลาดใหม่: ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs มองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อกระจายความเสี่ยง โดย EXIM BANK มีสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการส่งออก นอกจากนี้ ยังมีบริการประกันการส่งออกเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ส่งออก โดยให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 75% ของมูลค่าความเสียหาย กรณีผู้ซื้อในต่างประเทศไม่ชำระเงินค่าสินค้า
  4. การสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ (ในระยะถัดไป): แม้จะเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกเป็นหลัก แต่ในระยะยาวตามแนวนโยบายของรัฐบาล EXIM BANK จะพิจารณาสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างสมดุลทางการค้า โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการภายในประเทศเป็นสำคัญ
  5. การสนับสนุนการลงทุนในสหรัฐฯ: สำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพและเห็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนหรือขยายธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยตรง EXIM BANK ก็พร้อมให้การสนับสนุนด้านการเงิน ซึ่งจากข้อมูลปี 2567 ไทยมีมูลค่าส่งออกรวม 300,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ถึง 18% หรือคิดเป็น 54,956 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การลงทุนในพื้นที่จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรับมือกับสถานการณ์ภาษี

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวย้ำว่า มาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการยืนเคียงข้างผู้ประกอบการไทย ให้สามารถรับมือกับความท้าทายและความผันผวนในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้ รัฐบาลมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน

การออกมาตรการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและครอบคลุมในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยบรรเทาความกังวลและสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้เป็นอย่างดี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *