มือปืนยิงดับเจ้าของร้าน-ลูกน้อง เข้ามอบตัวแล้ว! ชนวนเหตุ ‘มือถือตกซอกโซฟา’ นำสู่เหตุสลดที่สุพรรณบุรี
สุพรรณบุรี – จากเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญในร้านอาหารพื้นที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย คือ เจ้าของร้านและลูกน้อง ล่าสุดความคืบหน้าของคดีนี้ มือปืนที่ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยพบว่าชนวนเหตุของเหตุสลดครั้งนี้มาจากเรื่องไม่คาดฝัน เพียงแค่โทรศัพท์มือถือตกอยู่ในซอกโซฟา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 04.30 น. ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ย่านยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ทำให้ นายพันธ์ศิริ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และนายอลงกรณ์ อายุ 25 ปี ลูกน้อง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก ได้เร่งสืบสวนสอบสวน จนทราบตัวผู้ก่อเหตุคือ นายสุจริตชัย อายุ 44 ปี หรือที่รู้จักในฉายา “เจ๊ก ทุ่งใหญ่” มีภูมิลำเนาอยู่ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และได้เร่งติดตามจับกุมตัว
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน ที่สถานีตำรวจภูธรชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี นายสุจริตชัย ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยทนายความ โดยมีชุดสืบสวนจาก สภ.สามชุก, กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี และชุดสืบสวนภาค 7 เข้าร่วมในการสอบปากคำอย่างละเอียด
ในการเข้ามอบตัวครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ประกอบด้วย รถยนต์กระบะ ยี่ห้อเอ็มจี สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ขค 1108 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถวัดท่าเกวียน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นได้ควบคุมตัว นายสุจริตชัย ส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.สามชุก ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุต่อไป
ด้าน พันตำรวจเอก พีระ อัศวพิบูลย์ผล ผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดเบื้องต้นจากการสอบปากคำ นายสุจริตชัย โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้งสองรายจริง โดยอ้างว่ามีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงเรื่องโทรศัพท์มือถือที่หายไป และถูกผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเข้ารุมชกต่อย จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว ก่อนจะหลบหนีกลับมาตั้งหลักที่บ้านพักในย่านปากเกร็ด
จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งภายหลังเหตุการณ์ จึงได้พบโทรศัพท์มือถือของ นายสุจริตชัย ตกอยู่ในซอกโซฟาที่ผู้ต้องหาได้นั่งดื่มกินก่อนเกิดเหตุ ซึ่งสันนิษฐานว่าโทรศัพท์มือถืออาจจะตกลงไปในซอกโซฟาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวในระหว่างที่นั่งอยู่ เมื่อกลับมาทวงถามจากเจ้าของร้านและลูกน้องซึ่งไม่ทราบเรื่อง จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงและบานปลายกลายเป็นการใช้กำลังและอาวุธปืน จนนำมาซึ่งความสูญเสียดังกล่าว