ภาคธุรกิจท่องเที่ยว/มัคคุเทศก์กระบี่ 68 รายชื่อ ยื่นหนังสือถึงกรมอุทยานฯ-ผู้ว่าฯ จี้สอบพฤติกรรม ‘ทราย สก๊อต’ ใช้โซเชียลโจมตีธุรกิจ เสียหายหนัก

กระบี่, 19 เมษายน 2568 – ตัวแทนกลุ่มมัคคุเทศก์และผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในจังหวัดกระบี่ จำนวน 68 รายชื่อ ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนสำคัญถึง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบและชี้แจงเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษากรมอุทยานฯ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้โซเชียลมีเดียโจมตีและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจและบุคคลในท้องถิ่น

น.ส.วีรยา จงจิตร ตัวแทนของมัคคุเทศก์อาชีพและผู้ประกอบการฯ ได้กล่าวว่า หนังสือร้องเรียนดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการกระทำของ นายสิรณัฐ ภิรมย์ภักดี หรือที่รู้จักในชื่อ "ทราย สก๊อต" โดยมีรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบกว่า 68 รายที่ร่วมลงนามในหนังสือฉบับนี้ เพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

ใจความสำคัญของหนังสือร้องเรียนระบุอย่างชัดเจนถึงการใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัวของ "ทราย สก๊อต" ในการเผยแพร่ภาพและวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวและบุคคลในท้องถิ่น ซึ่งมักจะไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องรอบด้านก่อนการเผยแพร่ การกระทำในลักษณะนี้ถูกมองว่าเป็นการกล่าวหาหรือนำเสนอข้อมูลด้านเดียวที่ส่งผลให้ชื่อเสียงของธุรกิจในท้องถิ่นหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม

กลุ่มผู้ร้องเรียนยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่กว้างกว่าแค่ความเสียหายทางธุรกิจ โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการและมัคคุเทศก์เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในพื้นที่ ระหว่างภาคธุรกิจนำเที่ยวที่พยายามรักษามาตรฐาน เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่มีหน้าที่ดูแลทรัพยากร และชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม สิ่งนี้ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามในการสร้างความร่วมมือเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งที่โดยหลักการแล้ว ผู้ประกอบการในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับกรมอุทยานฯ เพื่อดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

ประเด็นสำคัญอีกประการที่กลุ่มผู้ร้องเรียนต้องการให้มีการตรวจสอบและชี้แจงอย่างเร่งด่วนคือ สถานะของนายสิรณัฐฯ ในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูลที่กลุ่มผู้ร้องเรียนได้รับระบุว่า นายสิรณัฐฯ ถูกถอดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 แล้ว แต่ยังคงพบเห็นการเคลื่อนไหวหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ดูเหมือนจะกระทำในนามของอุทยานแห่งชาติ หรือมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมอุทยานฯ ซึ่งสิ่งนี้สร้างความสับสนอย่างมากให้กับสาธารณชนและโดยเฉพาะภาคธุรกิจในพื้นที่ ว่าสถานะที่แท้จริงของคุณทราย สก๊อต ตอนนี้คืออะไร ยังคงมีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากอุทยานฯ หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการแอบอ้างตำแหน่งโดยมิชอบหรือไม่

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบการยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณวุฒิหรือความเชี่ยวชาญของคุณทราย สก๊อต ในด้านที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจของกรมอุทยานฯ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ทางทะเล หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ควรมีสำหรับบุคคลที่จะเข้ามามีบทบาทใกล้ชิดหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในด้านเหล่านี้

กลุ่มผู้ร้องเรียนได้เน้นย้ำในหนังสือว่า การทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส การเคารพซึ่งกันและกัน และความเป็นธรรม การใช้เครื่องมือสื่อสารสาธารณะอย่างโซเชียลมีเดียเพื่อโจมตีบุคคลและธุรกิจโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบนั้น ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ โดยในการยื่นหนังสือครั้งนี้ กลุ่มผู้ร้องเรียนได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ จากการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ทั้งภาพ วิดีโอ และข้อความ ที่เป็นประเด็นปัญหา มาใช้ประกอบการพิจารณาและตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด

ข้อเรียกร้องหลักที่ปรากฏในหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยานฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ คือ

  • ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมอุทยานฯ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายสิรณัฐ ภิรมย์ภักดี และชี้แจงสถานะที่แท้จริง รวมถึงบทบาทของเขาในปัจจุบันอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน
  • ขอให้กำหนดมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเป็นที่ปรึกษาหรือผู้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกรมอุทยานฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งมีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับภารกิจในการดูแลรักษาทรัพยากรของชาติ
  • ขอให้พิจารณาวางมาตรการควบคุมการสื่อสารและการเผยแพร่ข้อมูลของบุคคลที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกรมอุทยานฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาคธุรกิจ ชุมชนท้องถิ่น และชื่อเสียงของกรมเองในอนาคต

การยื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดและความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่นที่กระบี่ ซึ่งหวังว่าการเข้ามายุติและชี้แจงปัญหาจากหน่วยงานภาครัฐ จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และฟื้นฟูบรรยากาศความร่วมมือที่ดีในการพัฒนาการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ทรัพยากรของจังหวัดกระบี่ให้กลับคืนมา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *