รพ.พุทธชินราช วิกฤตเงินบำรุงติดลบ! องค์กรแพทย์ชี้ สปสช.จ่ายต่ำกว่าต้นทุน ทำบุคลากรลาออกเพียบ

พิษณุโลก – วันที่ 19 เมษายน 2568 แพทย์หญิงรัชริน เบญจวงศ์เสถียร ประธานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์วิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลพุทธชินราชเอง โดยเฉพาะในส่วนของ “เงินบำรุงโรงพยาบาล” ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณที่ได้มาจากการดำเนินงานและเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการให้บริการและการพัฒนาโรงพยาบาล ขณะนี้มีสถานะติดลบอย่างน่ากังวล

พญ.รัชริน อธิบายว่า เงินบำรุงโรงพยาบาลนี้ มีที่มาจากรายได้หลัก ๆ จากการรักษาพยาบาลผู้ป่วยในสิทธิข้าราชการ ประกันสังคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งเงินส่วนนี้ถูกนำไปใช้จ่ายใน 9 ด้านหลักที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาล ประกอบด้วย:

  1. ค่าวัสดุ เวชภัณฑ์ ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
  2. ค่าบำรุงรักษาซ่อมแซม อาคาร เครื่องมือทางการแพทย์ และระบบต่าง ๆ
  3. ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้างพนักงานรายเดือน/รายวัน
  4. ค่าตอบแทนภาระงานนอกเวลา (OT)
  5. ค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P)
  6. ค่าฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรและจัดการประชุม
  7. ค่ากิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล
  8. การจัดซื้อ/ปรับปรุงเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นเร่งด่วน
  9. ค่าดำเนินการระบบงานต่าง ๆ เช่น งานไอที เวชระเบียน

ซึ่งการใช้จ่ายเงินบำรุงมีระเบียบควบคุมกำกับเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้

ประธานองค์กรแพทย์ รพ.พุทธชินราช ชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เงินบำรุงโรงพยาบาลลดลงจนติดลบนั้น มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเงินบำรุงส่วนใหญ่มาจากงบประมาณที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดสรรให้แบบเหมาจ่ายรายหัว และมีการแบ่งย่อยเป็นหลายกองทุนมากเกินไป ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงงบกลางที่ สปสช. ได้รับในปีงบประมาณ 2567 ว่าถูกจัดสรรไปยังหน่วยบริการใดบ้าง

ในขณะเดียวกัน ภาระงานและต้นทุนในการรักษาพยาบาลกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการพัฒนาวิธีการรักษาโรคต่าง ๆ ทำให้อัตราที่ สปสช. จ่ายคืนให้กับโรงพยาบาลในแต่ละสิทธิ ไม่สอดคล้องและต่ำกว่าต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริงอย่างมาก

สถานการณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงินนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการให้บริการประชาชน เพราะโรงพยาบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอในการจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นเร่งด่วน หรือการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ในเรื่องการจ่ายค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลา หรือค่าตอบแทนตามผลงาน ซึ่งถือเป็นกำลังใจและปัจจัยสำคัญในการทำงาน

“การขาดแคลนค่าตอบแทนที่เหมาะสมนี้เอง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือสหวิชาชีพจำนวนมาก ตัดสินใจลาออกจากโรงพยาบาลรัฐ ไปทำงานในภาคเอกชนที่ให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีกว่า ซึ่งปัญหานี้กำลังทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม” พญ.รัชริน กล่าว

พญ.รัชริน ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลรัฐ โดยเรียกร้องให้ สปสช. พิจารณาจัดสรรงบประมาณที่ได้รับ ให้เพียงพอต่อต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริงของโรงพยาบาลต่าง ๆ เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะนำไปจัดสรรในภารกิจอื่น ๆ

ในส่วนของโรงพยาบาลเอง แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกคนต้องร่วมมือกันบริหารจัดการทั้งในด้านการเพิ่มรายรับและลดรายจ่าย โดยแนวทางการเพิ่มรายรับ เช่น:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ลดระยะเวลารอคอย เพื่อเพิ่มรายได้จากการเรียกเก็บค่าบริการจากกองทุนต่าง ๆ
  • บันทึกเวชระเบียนให้ครบถ้วนถูกต้อง เพื่อให้เรียกเก็บค่าบริการได้ครบถ้วน
  • เปิดคลินิกบริการพิเศษ เช่น คลินิกมะเร็ง คลินิกโรคเรื้อรัง เพื่อรับเงินสนับสนุนจากกองทุนพิเศษหรือโครงการนำร่อง
  • พัฒนาระบบงานและคุณภาพบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธา

ส่วนแนวทางการลดรายจ่าย เช่น:

  • สั่งจ่ายยาและตรวจแล็บอย่างเหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน
  • ลดระยะเวลาการนอนรักษาในโรงพยาบาล (LOS) โดยสร้างเครือข่ายดูแลต่อเนื่อง เช่น ส่งกลับ รพ.สต. หรือดูแลที่บ้าน (Home Ward)
  • เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการ จัดระบบเวร/ห้องตรวจให้เหมาะสม ใช้ระบบการปรึกษาทางไกล (Teleconsultation) หรือการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
  • ให้ความรู้ผู้ป่วยในการดูแลตนเอง

สถานการณ์เงินบำรุงติดลบของโรงพยาบาลพุทธชินราช สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบในการจัดสรรงบประมาณสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงขึ้นต่อคุณภาพบริการสาธารณสุขและการคงอยู่ของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *