สลด! พ่อวัย 67 ยิงลูกชาย 34 ดับคาบ้าน หลังถูกคลั่งไล่ฟันขอเงินซื้อยาบ้าไม่ได้ รอมอบตัวตำรวจ
ลำปาง – เกิดเหตุสลดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เมื่อพ่อวัย 67 ปี ต้องตัดสินใจใช้อาวุธปืนและมีดทำร้ายลูกชายวัย 34 ปี จนเสียชีวิต หลังถูกลูกชายคลุ้มคลั่งใช้มีดไล่ทำร้าย เหตุเพราะขอเงินไปซื้อยาเสพติดไม่ได้.
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 23.40 น. ของคืนวันที่ 18 เมษายน 2568 โดย ร.ต.อ.พิชิตชัย ไชยาโส รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านเสด็จ จังหวัดลำปาง ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่บ้านทรายทอง หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง.
หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.พิชิตชัย พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชวลิต จินดารัตน์ ผู้กำกับการ สภ.บ้านเสด็จ, แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลำปาง ได้รีบรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที.
บริเวณข้างบ้านพัก เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ทราบชื่อภายหลังคือ นายธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีบาดแผลถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณศีรษะ และมีร่องรอยคล้ายถูกยิงด้วยปืนแก๊ปเข้าที่บริเวณหน้าอก. ใกล้กันพบ นายน้อง อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิตและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ โดยมีบาดแผลจากการถูกทำร้ายด้วย. เจ้าหน้าที่ยังพบของกลางเป็นอาวุธปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก และอาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม ในที่เกิดเหตุ.
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายน้อง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองและลูกชายคือ นายธวัชชัย ได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง เนื่องจาก นายธวัชชัย ได้เข้ามาขอเงินเพื่อจะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ และยังมีอาการติดพันกับการเล่นเกมออนไลน์อย่างหนัก แต่เมื่อตนไม่ให้เงิน นายธวัชชัย ก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งอย่างหนัก.
ด้วยความโกรธเกรี้ยว นายธวัชชัย ได้คว้ามีดอีโต้ที่อยู่ใกล้ตัว พยายามเข้ามาทำร้ายตนเอง ทำให้เกิดการยื้อแย่งมีดกันขึ้น เป็นเหตุให้ นายน้อง ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายด้วย. เมื่อเห็นว่าตนเองสู้แรงลูกชายที่อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งไม่ได้ และเพื่อเป็นการป้องกันตัว นายน้อง จึงตัดสินใจคว้าอาวุธปืนแก๊ปที่อยู่ใกล้ๆ ยิงใส่บริเวณหน้าอกของลูกชายจนล้มลง.
หลังจากที่ นายธวัชชัย ล้มลง นายน้อง ได้เข้าแย่งมีดอีโต้กลับคืนมา และด้วยอารมณ์ที่ยังคงเดือดดาลและหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ใช้มีดเล่มดังกล่าวฟันซ้ำไปที่บริเวณศีรษะของลูกชาย จนเป็นเหตุให้ นายธวัชชัย ถึงแก่ความตายในที่สุด.
ภายหลังเกิดเหตุ นายน้อง ไม่ได้คิดหลบหนีไปไหน ได้โทรศัพท์แจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ภรรยาของตนเองทราบ และบอกให้ภรรยาเป็นผู้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ โดยตัว นายน้อง เองได้นั่งรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่บริเวณบันไดหน้าบ้านพัก.
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งได้ยึดอาวุธปืนแก๊ปและมีดอีโต้ที่ใช้ในการก่อเหตุไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดี จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว นายน้อง ไปยังสถานีตำรวจภูธรบ้านเสด็จ เพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
เหตุการณ์สลดนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหายาเสพติดและปัญหาภายในครอบครัวที่อาจนำมาซึ่งความรุนแรงและความสูญเสีย โดยเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป.