วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร: ย้อนรอยประวัติศาสตร์วัดโบราณริมเจ้าพระยา ที่พระมหากษัตริย์ทรงบูรณะมาทุกรัชกาล

กรุงเทพมหานครเต็มไปด้วยวัดวาอารามที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน หนึ่งในนั้นคือ วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา วัดแห่งนี้มีเรื่องราวความเป็นมาอันน่าสนใจ สะท้อนความผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมาอย่างยาวนาน

จาก ‘วัดสมอราย’ สู่ ‘วัดราชาธิวาส’

วัดราชาธิวาสฯ เดิมชื่อว่า วัดสมอราย มีหลักฐานบ่งชี้ว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงธนบุรี เสริมสร้างความเก่าแก่ของวัดได้อย่างชัดเจน ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ วัดนี้ได้รับการบูรณะครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ตามพระดำริของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และนับแต่นั้นมา วัดสมอรายก็กลายเป็นสถานที่ประทับระหว่างทรงผนวชของสมเด็จพระบวรราชเจ้า (กรมวังหน้า) ทุกพระองค์

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ซึ่งครั้งหนึ่งพระองค์เคยเสด็จฯ มาประทับที่วัดแห่งนี้ ก่อนจะย้ายไปวัดบวรนิเวศวิหาร ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่ และในปี พ.ศ. 2394 ได้พระราชทานนามใหม่ว่า ‘วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร’ มีความหมายอันเป็นมงคลว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา”

การบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลที่ 5 และการอุปถัมภ์จากสถาบันพระมหากษัตริย์

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงสืบสานพระราชประเพณีการทำนุบำรุงวัด โดยทรงโปรดให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาสฯ ครั้งใหญ่อีกครา การบูรณะในครั้งนี้ถือเป็นการปรับโฉมวัดไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากไม่มีโบสถ์ วิหาร หรือสิ่งก่อสร้างเดิมใดๆ หลงเหลืออยู่ ทำให้วัดแห่งนี้ดูราวกับวัดใหม่ที่สร้างขึ้นเพียงร้อยปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้รูปแบบภายนอกจะดูทันสมัยขึ้น แต่ความสำคัญและประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ และในทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลยังคงโปรดให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์และถวายปัจจัยอุปถัมภ์วัดนี้มาอย่างต่อเนื่อง

เสน่ห์และสิ่งน่าสนใจภายในวัด

วัดราชาธิวาสฯ มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 34 ไร่ 2 งาน 63 ตารางวา ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบทางทิศตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามท่าวาสุกรี การเดินทางมาวัดสะดวกทั้งทางน้ำ (เรือข้ามฟาก, เรือด่วน) และทางบก (รถประจำทาง, รถยนต์ส่วนตัว) แม้ซอยทางเข้าจะค่อนข้างแคบ แต่ภายในวัดมีที่จอดรถพอสมควร บรรยากาศภายในวัดสงบ ร่มรื่น จากต้นไม้และสนามหญ้าเขียวขจี พร้อมลมพัดเย็นสบายจากแม่น้ำ

ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ที่ควรค่าแก่การเข้ากราบสักการะ อาทิ:

  • พระสัมพุทธวัฒโนภาส: พระพุทธรูปปูนปั้น เป็นพระประธานองค์เดิมในพระอุโบสถ ประดิษฐานอยู่ด้านหลังสุดของพระอุโบสถ
  • พระสัมพุทธพรรณี: องค์จำลองของพระพุทธรูปประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) องค์จริงประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
  • พระพุทธไสยา: ประดิษฐาน ณ ห้องประชุมตึกไชยยันต์ โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส ฐานบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศราราชหฤทัย

จิตรกรรมฝาผนังแบบ ‘เฟรสโก’ แห่งเดียวในไทย และพิพิธภัณฑ์วัด

ความโดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของวัดราชาธิวาสฯ คือ จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ ที่วาดเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก ครบทั้ง 13 กัณฑ์ จิตรกรรมชุดนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงร่างภาพ และมอบหมายให้นายซีริโกลี (Mr. Ciricoli) ชาวอิตาเลียน เป็นผู้ระบายสี โดยเฉพาะกัณฑ์ที่ 13 (นครกัณฑ์) นายซีริโกลีเป็นผู้ร่างและระบายสีเอง

เทคนิคที่ใช้คือ ปูนเปียก (Fresco) ซึ่งเป็นการระบายสีลงบนปูนที่ยังไม่แห้ง แตกต่างจากจิตรกรรมไทยประเพณีที่มักใช้สีฝุ่น (Tempera) เทคนิคแบบตะวันตกนี้ช่วยให้สีติดทนทานและไม่กะเทาะง่าย ทำให้จิตรกรรมฝาผนังชุดนี้เป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ ภายในวัดยังมี อาคารพิพิธภัณฑ์วัดราชาธิวาสวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของวัด เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนา วัฒนธรรม ศิลปะ และประวัติศาสตร์สำหรับประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีอาคารสำคัญอื่นๆ เช่น พระเจดีย์ วิหารพระอัยยิกา หอไตร และมีโครงการจัดทำสวนสมุนไพร รวมถึงศูนย์เช่าวัตถุมงคลสำหรับผู้ศรัทธา

ศูนย์รวมใจริมฝั่งเจ้าพระยา

วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ในท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง วัดแห่งนี้ยังคงเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่สงบที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตชาวบ้านเคียงคู่การดำรงคงอยู่ของวัดไทย ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความศรัทธาที่สืบทอดมาหลายร้อยปี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *