ชายแดนตากปะทุหนัก: ทหารเมียนมาโจมตีทางอากาศกลางดึก ชาวบ้านหนีภัยสงครามทะลักเข้าไทยกว่า 200 คน ฝ่ายความมั่นคงไทยเสริมกำลังรับมือ
ตาก – สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดตาก กลับมาตึงเครียดและปะทุหนักอีกครั้ง หลังเกิดการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ใกล้แนวชายแดน ส่งผลให้ประชาชนชาวเมียนมาต้องอพยพหนีภัยสงครามข้ามเข้ามายังฝั่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานความมั่นคงของไทยได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อมทั้งเสริมกำลังทหารและอาวุธ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝันและการรุกล้ำอธิปไตย
รายงานข่าวเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 ระบุว่า ทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องบินทำการโจมตีทางอากาศในบริเวณพื้นที่บ้านมอพาซู ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทยเพียงประมาณ 2 กิโลเมตร การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นกลางดึก สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนในพื้นที่ และส่งผลให้มีประชาชนชาวเมียนมาจำนวนมาก โดยเฉพาะจากบ้านมอพาซู ต้องอพยพหนีภัยสงครามข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณบ้านห้วยปลากอง ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ระมาด ได้ประสานงานและดำเนินการรวบรวมผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ที่อพยพเข้ามา เพื่อนำเข้าพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณสำนักสงฆ์ห้วยปลากอง โดยล่าสุด มียอดผู้หนีภัยฯ ที่ได้รับการดูแลรวมทั้งสิ้น 215 คน ประกอบด้วยเพศชาย 39 คน เพศหญิง 72 คน เด็กชาย 53 คน และเด็กหญิง 51 คน ทุกคนได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมเบื้องต้น
พลตรี ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัด ฉก.ราชมนู และกองกำลังเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 (ฉก.ทพ.35) ประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครองอำเภอแม่ระมาด และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดูแลความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยฯ อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น พลตรี ณัฐกร ยังได้สั่งการให้มีการวางกำลังทหารเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งนำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าประจำที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุที่ได้วางไว้ การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวชายแดน
สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 2568 นี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ทหารเมียนมาได้ใช้อากาศยานแบบ YAK-130 จำนวน 1 ลำ ทิ้งระเบิดบริเวณพื้นที่บ้านตะลวยโถ่ง อำเภอกอกาเร็ก จังหวัดกอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านริมเมย หมู่ 2 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยจุดทิ้งระเบิดห่างจากแนวชายแดนประมาณ 50 กิโลเมตร
หลังจากการโจมตีดังกล่าว กองกำลัง KNLA กองพลน้อยที่ 7 ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ได้ทำการตอบโต้ทันที โดยได้นำกำลังเข้าประชิดปิดล้อม และใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่ตั้งของทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่ 24 ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านมอพาซู อำเภอเมียวดี จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา จุดนี้อยู่ตรงข้ามกับบ้านห้วยปลากอง หมู่ 12 ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และห่างจากแนวชายแดนเพียงประมาณ 2 กิโลเมตร
ในระหว่างการปะทะที่บ้านมอพาซู ทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่ 24 ได้ทำการยิงอาวุธหนักตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนของ KNLA เป็นระยะๆ เหตุการณ์สู้รบในวันที่ 18 เมษายน 2568 นี้ ได้ส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวนหนึ่ง ประมาณ 120 คน อพยพข้ามมายังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบริเวณช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามถ้ำโมกขละ ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านห้วยปลากอง อำเภอแม่ระมาด โดยในครั้งนั้น ฉก.ราชมนู, ฉก.ทพ.35 ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.แม่ระมาด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้เข้าให้ความช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยตามหลักมนุษยธรรมเช่นกัน
สถานการณ์ล่าสุดในวันที่ 19 เมษายน 2568 ซึ่งมีการโจมตีทางอากาศซ้ำบริเวณใกล้บ้านมอพาซู ยิ่งตอกย้ำถึงความรุนแรงของการสู้รบในพื้นที่ใกล้ชายแดน และแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่อาจมีผู้หนีภัยสงครามทะลักเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต หากสถานการณ์ยังคงไม่สงบ
หน่วยงานความมั่นคงของไทยกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปฏิบัติภารกิจทั้งด้านมนุษยธรรมและการป้องกันอธิปไตยอย่างเต็มที่