สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปทวีความรุนแรง ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีไวน์ยุโรป 200%
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปทวีความรุนแรง ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีไวน์ยุโรป 200%
สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากทั่วโลก 25% ส่งผลให้ยุโรปตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายน 2568
ล่าสุด ทรัมป์ได้ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรปเป็น 200% สร้างความตึงเครียดให้กับสถานการณ์สงครามการค้ามากขึ้น โดยข้อมูลจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ นำเข้าไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำส้มสายชูจากอียูเป็นมูลค่ากว่า 14,200 ล้านดอลลาร์
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า การเกิดสงครามตอบโต้ด้วยกำแพงภาษีนำเข้าจะทำให้เศรษฐกิจและระบบการค้าโลกทรุดตัวเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้ ส่งผลให้เกิดการบิดเบือนระบบราคาสินค้า และอาจนำไปสู่การปรับตัวของราคาและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ
นอกจากนี้ สงครามการค้ายังอาจขยายวงไปสู่สงครามค่าเงิน และมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรการทางเทคนิคและมาตรการเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทยด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยควรเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยอาจตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เจรจาต่อรองทางการค้า และแสวงหาตลาดใหม่ๆ เพื่อทดแทนสินค้าที่ถูกกีดกันจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ