หลังจากรัฐบาลเลื่อนร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ในสมัยประชุมที่ผ่านมา โดยเลื่อนไปอีก 3 เดือน คาดว่าจะพิจารณาในสมัยประชุมหน้าประมาณเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะเดียวกัน ฝ่ายวุฒิสภาเริ่มแสดงท่าทีต่อต้านร่างกฎหมายนี้อย่างชัดเจน ด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร พร้อมส่งสัญญาณว่า หากร่างกฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา คงไม่ผ่านง่ายๆ

ท่าทีของสว.ชุดนี้ไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากถูกเรียกขานว่า “สว.สีน้ำเงิน” ที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกัน สถานะของสว.ชุดนี้กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยง หลังดีเอสไอรุกสอบสวนคดีฮั้วสว. ในหลายข้อหารวมถึงความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ

คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ให้ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ โดยเริ่มจากข้อหาฟอกเงิน ก่อนขยายไปถึงความผิดอั้งยี่ และมาตรา 116 ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ดีเอสไอจะใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน คาดว่าจะสามารถตั้งข้อหาได้ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้

จากข้อมูลของดีเอสไอ พบว่ามีสว.ถึง 138 ราย และสว.สำรองอีก 2 ราย ที่อยู่ในข่ายถูกสอบสวน เนื่องจากมีชื่อปรากฏในโพยฮั้ว ซึ่งเป็นพยานเอกสารสำคัญ หากมีการตั้งข้อหาและส่งฟ้องศาล อาจนำไปสู่การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของสว.เหล่านี้ทันที

สถานการณ์นี้สร้างความกังวลว่า สว.ชุดนี้จะสามารถปฏิบัติหน้าที่จนถึงช่วงพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อสว.สีน้ำเงินมีแนวโน้มจะขัดขวางโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล ซึ่งมีความขัดแย้งหลายประการ โดยเฉพาะคดีฮั้วสว.ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางต่อรอง