สีจิ้นผิงประกาศจีนยืนหยัดเคียงข้างชาติอาเซียน รับมือความผันผวนเศรษฐกิจโลก
กรุงเทพฯ (เอพี) — ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน กล่าวกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียเมื่อวันพุธว่า จีนจะเป็นหุ้นส่วนที่ร่วมมืออย่างใกล้ชิดและยืนหยัดเคียงข้างประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก
“ในยามที่ระเบียบโลกและโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทาย จีนและมาเลเซียจะยืนหยัดร่วมกับประเทศในภูมิภาค เพื่อต่อต้านกระแสความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งแนวคิดการดำเนินนโยบายแบบฝ่ายเดียวและลัทธิปกป้องทางการค้า” สีจิ้นผิงกล่าวในงานเลี้ยงอาหารเย็นกับผู้นำมาเลเซีย ระหว่างการเยือนรัฐบาลครั้งสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประธานาธิบดีจีนยังกล่าวเสริมว่า “ร่วมกันเราจะปกป้องอนาคตที่สดใสของครอบครัวเอเชีย”
การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยสีจิ้นผิงใช้โอกาสนี้ส่งสัญญาณว่าปักกิ่งเป็นแหล่งความมั่นคงในภูมิภาค แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะถูกวางแผนก่อนหน้าการประกาศมาตรการของสหรัฐฯ แต่ก็เป็นโอกาสที่จีนจะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาค และหาวิธีบรรเทาผลกระทบจากภาษี 145% ที่สหรัฐฯ ยังคงเก็บกับสินค้าจีน
ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียกล่าวต้อนรับสีจิ้นผิงอย่างอบอุ่น และยกย่องจีนในฐานะผู้นำ พร้อมทั้งวิจารณ์สหรัฐฯ แบบอ้อมๆ ว่า “สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ไม่ใช่การยอมรับความไม่สมบูรณ์ของโลกาภิวัตน์ แต่เป็นการถอยกลับไปสู่ลัทธิเศรษฐกิจแบบเผ่าพันธุ์”
สีจิ้นผิงได้ให้คำมั่นกับมาเลเซียและเวียดนามว่าจะเปิดตลาดจีนมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสีเขียวและปัญญาประดิษฐ์ในการพบกับสุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์ กษัตริย์ของมาเลเซีย
มาเลเซียเป็นที่ตั้งของโครงการ Belt and Road Initiative หลายโครงการ รวมถึงโครงการรถไฟมูลค่า 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสีจิ้นผิงได้หารือในการพบกับกษัตริย์มาเลเซีย จีนยังเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดและนักลงทุนต่างชาติอันดับหนึ่งของมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ สีจิ้นผิงเริ่มการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ โดยจีนและเวียดนามได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจหลายฉบับเกี่ยวกับความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานและโครงการรถไฟร่วมกัน