พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล 7 รูป

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญหิรัญบัฏ พัดยศ เครื่องประกอบสมณศักดิ์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ถวายแด่พระพรหมวชิรโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทธโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ

พร้อมเชิญสัญญาบัตร พัดยศ ที่ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ และตั้งสมณศักดิ์ จำนวน 7 รูป ถวายแด่พระราชโพธิวิเทศวัชรสุธี (สุพจน์ กิตติวัณโณ) เจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล รองหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล, พระราชโพธิวิเทศวัชรมุนี (สมพงศ์ ญาณธีโร) เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เลขานุการพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล

พระโพธิวิเทศวัชรวิสุทธิ์ (นิพนธ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดลัฏฐิวันสวนตาลหนุ่ม สาธารณรัฐอินเดีย หัวหน้าสำนักงานพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล, พระโพธิวิเทศวชิโรดม (ณรงค์ อุตตมวังโส) เจ้าอาวาสวัดพระรามอโยธยา สาธารณรัฐอินเดียรองโฆษกพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล, พระโพธิวิเทศวัชรธาดา (รังสิต ปัญญาเมธี) เจ้าอาวาสวัดไทยนวราชรัตนาราม สาธารณรัฐอินเดีย ผู้ช่วยเลขานุการพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล, พระโพธิวิเทศวชิรสิริ (สงกรานต์ กิตติวังโส) เจ้าอาวาสวัดโพธิโมลีราชบัณฑิต สาธารณรัฐอินเดีย ผู้ช่วยสำนักงานพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล และพระโพธิวิเทศวัชรสุนทร (ธวัชชัย ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดสันโป่งพุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย

สำหรับพระพรหมวชิรโพธิวงศ์ มีนามเดิมว่า วีรยุทธ ประชุมสอน เกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2497 ที่บ้านหินกอง ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2518 ที่วัดอัปสรสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ มีพระธีรสารมุนี (สุไชย ธีรสาโร) เจ้าอาวาสวัดอัปสรสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูกิตติวรวัตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์สุวัจน์ สุวโจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายา “วีรยุทโธ”

สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม สำเร็จนักธรรมชั้นตรี โทและเอก ต่อมาย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร มุ่งมั่นศึกษาจนสอบได้ประกาศนียบัตรพิเศษวิชาการศึกษา (พ.กศ.) ปริญญาบัณฑิต (B.A.) สาขารัฐศาสตร์ ปริญญามหาบัณฑิต (M.A.) สาขาพระพุทธศาสนา และปริญญาดุษฎีบัณฑิต (Ph.D.) สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย

สนองงานคณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯ อาทิ กองงานเลขานุการ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร, กรรมการศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย, กรรมการมูลนิธิวัดไทยพุทธคยา, วิทยากรอบรมพระธรรมทูต สายต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ฝ่ายจัดการสัมมนาโครงการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นต้น

ได้รับการยกย่องเกียรติคุณอย่างต่อเนื่องว่าเป็นศิษย์ของพระสุเมธาธิบดี อดีตเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา เข้ามาประเทศอินเดียเมื่อปี พ.ศ.2524 ตัดสินใจมาวัดไทยพุทธคยา เพื่อช่วยเหลืองานพระธรรมทูตพระสุเมธาธิบดี เข้ามาอาสารับใช้ใกล้ชิดท่านเพื่อเรียนรู้งาน และศึกษาต่อปริญญาตรี

กระทั่งพระสุเมธาธิบดีละสังขาร งานหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดียถูกส่งไม้รับต่อช่วงโดย “พระเทพโพธิวิเทศ” หรือ “หลวงพ่อทองยอด ภูริปาโล” ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ก็คงยังช่วยรับสนองงานอย่างใกล้ชิด ช่วยให้งานเผยแผ่พระพุทธศาสนารุดหน้าและราบรื่นมาตลอด

ต่อมา พระเทพโพธิวิเทศมรณภาพ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2554 งานในตำแหน่งหัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล จึงว่างลง ในครั้งนั้นที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2554 พิจารณาเห็นชอบแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชรัตนรังษี

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2543 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวิเทศโพธิคุณ พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชในราชทินนามที่ พระราชรัตนรังษี พ.ศ.2556 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโพธิวิเทศ พ.ศ.2559 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมโพธิวงศ์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2568 ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ในราชทินนามที่ พระพรหมวชิรโพธิวงศ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *