ก่อนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากกลุ่มก้อนฝ่ายเห็นต่าง รวมถึงสถานการณ์เร่งด่วนที่เข้ามาพร้อมกันทั้งเรื่องแผ่นดินไหว และการรับมือเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล ตัดสินใจเลื่อนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะนำเข้าสู่การประชุมพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ออกไปในการประชุมสมัยหน้า ที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคม

นั่นเท่ากับว่ารัฐบาลมีเวลาราวสองเดือนครึ่งในการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคม ให้ประชาชนเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นรวมถึงจุดมุ่งหมายของรัฐบาลในเรื่องนี้

ระหว่างนี้รัฐบาลจึงต้องใช้โอกาสและเวลาในช่วงสภาปิดสมัยประชุม เร่งสื่อสารชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ไม่ใช่กาสิโน เหมือนที่คนบางกลุ่มพยายามบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด และลงถนนต่อต้าน

เนื้อหาแท้จริงของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือ โครงการลงทุนที่จะช่วยปรับโครงสร้างภาคการท่องเที่ยวระยะยาว สร้าง Tourist Man Made Destination ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ผ่านมาไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และธรรมชาติมายาวนาน จนถึงจุดเริ่มอิ่มตัว ถึงเวลาที่ต้องสร้างตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สามารถตอบโจทย์ปัญหาข้อนี้ได้

กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะผ่านสำเร็จในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ถ้าผ่านก็ขับเคลื่อนเดินหน้าต่อ ภายใต้กฎหมายที่มีกลไกกำกับดูแลทุกขั้นตอน อย่างถูกต้อง โปร่งใส แต่หากผลักดันไม่สำเร็จ กฎหมายก็คาไว้ในสภา รัฐบาลใหม่เข้ามาหากไม่ยืนยันร่างกฎหมายก็ตกไป หากยืนยันก็ต้องเริ่มพิจารณากันใหม่ตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักก็คือต้นทุนอย่างหนึ่งของโอกาสที่ประเทศไทยจะมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือเวลาที่เสียไป โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกตีตกไปด้วยคำถามที่ว่า ควรให้ถนนลูกรังหมดก่อนหรือไม่ สุดท้ายประเทศก็เสียโอกาส ทุกวันนี้ยังไม่มีไฮสปีดเทรนที่เปิดใช้การได้ เหล่านี้คือหน้าที่รัฐบาลต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรให้เป็นหน้าที่ของประชาชนเป็นคนตัดสิน