กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่ำรวยผิดปกติกว่า 500 ล้านบาท จากการเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีทุจริตโครงการเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด (คดีเงินทอนวัด) นอกจากนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของนายนพรัตน์, นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. กับพวก คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดไปแล้วอย่างน้อย 4 ครั้ง รวมมูลค่าประมาณ 94.2 ล้านบาท จากนั้นนายนพรัตน์หลบหนีหมายจับไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ก่อนปี 2560 จนถึงปัจจุบัน

วันที่ 13 เม.ย. มีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 11 เม.ย. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ. ที่หลบหนีคดีทุจริตเงินทอนวัดจากเมืองไทยไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ถูก US Marshall หรือตำรวจศาลของสหรัฐฯ จับกุมตัวได้ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของรัฐเท็กซัส (provisional arrest) จากนั้นจะมีกำหนดต้องนำตัวขึ้นศาลในรัฐเท็กซัส เรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ตามคำร้องขอตามสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ยื่นเรื่องผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ส่งตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย หลังจากหลบหนีออกจากประเทศไทยไปมากกว่า 8 ปีแล้ว มีรายงานว่าระหว่างอยู่ต่างประเทศ นายนพรัตน์มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างหรูหราสุขสบายอีกด้วย

นอกจากนี้คดีทุจริตเงินทอนวัดแล้ว นายนพรัตน์ยังเป็นผู้ต้องหาตามสำนวนการสอบสวนของตำรวจ บก.ปปป.อีกหลายสิบคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้ยื่นคำร้องขอส่งตัวนายนพรัตน์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย สำหรับขั้นตอนการส่งตัวผู้ต้องหารายนี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย น่าจะใช้เวลาการต่อสู้ในชั้นศาลในรัฐเท็กซัสอีกระยะหนึ่งก่อน สำหรับนายนพรัตน์เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาพร้อมกับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. นางประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. และพวก พร้อมกับพระเถระบางส่วน ในคดีทุจริตเงินทอนวัดหลายสำนวน ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังเหลืออีกอย่างน้อย 36 สำนวนที่ต้องดำเนินการไต่สวน จากทั้งหมด 47 สำนวน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เปิดเผยกรณีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ. ถูก US Marshall จับได้ที่สหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้นายนพรัตน์ถูกจับแล้วจริง เป็นการจับกุมในส่วนสำนวนคดีของ ป.ป.ช. รวม 3 คดี แต่ในส่วนของ บก.ปปป.ยังมีคดีของนายนพรัตน์อยู่อีก 17 คดี กำลังปรึกษากับอัยการสูงสุด เพื่อเข้าพบอัยการของสหรัฐอเมริกา ปรึกษาเรื่องการส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมายจับที่พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ขอศาลจังหวัดนครนายก ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ 3 ราย มีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อายุ 64 ปี อดีต ผอ.พศ. ตามหมายจับที่ จ.15/2565 ลงวันที่ 15 ก.พ.65 ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน นางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานนท์ อายุ 51 ปี ภรรยา ตามหมายจับที่ จ.16/2565 ลงวันที่ 15 ก.พ.65 ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ ทุน อายุ 29 ปี ตามหมายจับที่ จ.17/2565 ลงวันที่ 15 ก.พ.65 ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน

ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งทราบข่าวการจับตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ.จากสื่อมวลชนเช่นกัน ตอนนี้คงต้องรอให้ตำรวจประสานมาว่าต้องการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ดำเนินการอย่างไรต่อไปบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ข้อมูลต่างๆได้ส่งให้ตำรวจไปหมดแล้ว คาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์คงได้รับการประสานมาและมีความคืบหน้า ส่วนตัวเห็นว่าการจับกุมนายนพรัตน์ได้ จะทำให้ความจริงปรากฏ เพราะคดีทุจริตโครงการเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัด หรือคดีเงินทอนวัด ทำให้ภาพลักษณ์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาพยายามแก้ไขภาพลักษณ์ต่างๆ สร้างระบบป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำรอยเหมือนคดีนี้