บังกลาเทศเผชิญวิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐฯ 37% ศ.ยูนุสชี้เป็นโอกาสปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการ
สถานการณ์สหรัฐอเมริกากำหนดกำแพงภาษี สร้างผลกระทบไปทั่วโลก บังกลาเทศก็ถูกภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯในอัตรา 37% ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยอมรับว่าเป็นการ “Disrupt” ที่ขัดจังหวะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ชี้ว่าเป็นโอกาสในการปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการ
ในการสนทนาพิเศษกับทีมข่าวไทยรัฐระหว่างการประชุม BIMSTEC ที่กรุงเทพฯ ศ.ยูนุสกล่าวว่า “เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำลายจังหวะ สิ่งที่ทำได้คือการเตรียมตัวเผชิญกับสถานการณ์ หากคุณมีความเฉลียวฉลาดเพียงพอก็จะมองเห็นโอกาสรอบตัว”
ผู้นำบังกลาเทศซึ่งกำลังเตรียมเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศ หลังการลาออกของอดีตนายกฯ ชีค ฮาสินา เปิดเผยว่า ปัญหาหลักของชาวบังกลาเทศคือการขาดความสนใจในการทำธุรกิจ “หลังได้รับเอกราชปี 2514 คนคิดแต่จะหางานทำ ไม่คิดจะเป็นนายตัวเอง”
ศ.ยูนุสวิเคราะห์ว่าความยากจนเกิดจาก “ระบบ” ที่ทำให้คนตกอยู่ในวังวน จึงเสนอแนวทางแก้ไขผ่าน “ไมโครเครดิต” และการปลูกฝังแนวคิดผู้ประกอบการ “ในชนบทคนเลี้ยงไก่ 5 ตัว ไม่คิดจะเพิ่มเป็น 10 ตัว เราต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นโอกาส”
สำหรับคนรุ่นใหม่ ศ.ยูนุสวัย 84 ปี มองว่า “มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อหางานทำ แต่เพื่อเป็นผู้ประกอบการ” โดยชี้ว่าข้อได้เปรียบของเจนใหม่คือ “Connectivity” ผ่านเทคโนโลยี ที่จะช่วยสร้างธุรกิจที่หลากหลาย
ศาสตราจารย์ยังเผยถึงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทย เพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนไอเดียธุรกิจระหว่างคนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ โดยหวังว่าท้ายที่สุดประชาชนจะสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากรัฐ