นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2568 ว่า บสย. ได้ช่วยผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 14,183 ราย ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อมูลค่ารวม 8,162 ล้านบาท

โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) ถึง 89% ด้วยวงเงินค้ำประกันเฉลี่ย 100,000 บาทต่อราย ส่วนอีก 11% เป็น SMEs ทั่วไป ที่ได้รับค้ำประกันเฉลี่ย 4.28 ล้านบาทต่อราย ส่งผลให้เกิดสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,598 ล้านบาท ช่วยรักษาการจ้างงาน 66,529 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า 33,708 ล้านบาท

สำหรับโครงการตามมาตรการรัฐ โครงการค้ำประกัน PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” มียอดค้ำประกันในไตรมาสนี้ 5,069 ล้านบาท เติบโตถึง 32.24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนโครงการ PGS 10 “บสย.SMEs เข้มแข็ง” มียอดค้ำประกัน 3,833 ล้านบาท

ธุรกิจที่ได้รับการค้ำประกันสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ภาคบริการ (28.2%) อาหารและเครื่องดื่ม (12.5%) และเกษตรกรรม (8.4%) ซึ่งรวมกันคิดเป็น 52% ของยอดค้ำประกันทั้งหมด ส่วนภูมิภาคที่ได้รับการค้ำประกันสูงสุดคือกรุงเทพฯและปริมณฑล (46%) ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (15%) และภาคใต้ (13%)

ไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ “SMEs PICK-UP” ภายใต้มาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ที่ช่วยปลดล็อกการขอสินเชื่อสำหรับ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการซื้อรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก วงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาทต่อราย

นอกจากนี้ บสย. ยังได้ปรับปรุงมาตรการ “บสย.พร้อมช่วย” เพื่อแก้หนี้ให้ SMEs อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเปิดตัวมาตรการใหม่ช่วย SMEs กลุ่มเปราะบาง โดยตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2568 ได้ช่วยลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้รวม 19,472 ราย