ราคาทองคำทะลุ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ราคาทองคำทะลุระดับสำคัญที่ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก และทะลุระดับสูงสุดใหม่วันนี้ (11 เม.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้บรรดานักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ราคาทองคำพุ่งขึ้น 1.3% สู่ระดับ 3,216.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 02.30 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ส่วนทองคำแท่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 3,219.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในสัปดาห์นี้ ส่วนราคาทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.9% สู่ระดับ 3,236.00 ดอลลาร์

Ilya Spivak หัวหน้าฝ่ายมหภาคระดับโลกของ Tastylive กล่าวว่า “การอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในขณะนี้ ซึ่งดูเหมือนจะสะท้อนถึงการเทขายหุ้นและพันธบัตรท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีศุลกากร”

ดัชนีหุ้นหลักๆ ก็ร่วงลงเช่นกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% แต่ได้ชะลอการขึ้นภาษีสินค้าหลายสิบประเทศที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เป็นเวลา 90 วัน ส่วนจีนได้ขึ้นภาษีสินค้าของตัวเองตามการขึ้นภาษีของทรัมป์ทุกครั้ง ทำให้เกิดความกลัวว่าจีนอาจขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เกินกว่า 84% ในปัจจุบัน

นอกเหนือจากภาษีแล้ว ความต้องการของธนาคารกลาง ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและยุโรป และกระแสเงินที่ไหลเข้ากองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่หนุนหลังด้วยทองคำที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองพุ่งสูงขึ้นในปีนี้ด้วย

ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมีนาคม แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน และอาจลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 เปอร์เซ็นต์เต็ม ภายในสิ้นปี 2568

ราคาเม็ดโลหะเงินลดลง 0.2% เหลือ 31.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแพลตตินัมลดลง 0.4% เหลือ 934.20 ดอลลาร์ แพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 0.7% เหลือ 914.70 ดอลลาร์

การประกาศของทรัมป์ยังส่งผลให้ดัชนีหลักทั้งสามของวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงหลังปิดทำการในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี S&P 500 ลดลง -3.5% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง -2.5% และดัชนีแนสแดก ลดลง -4.3%

ส่วนหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวลดลงหลังจากหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงโดยดัชนีนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น ลดลง -4.5% Kospi ของเกาหลีใต้ (-1.7%) ฮั่งเส็งของฮ่องกง (-0.7%) และ ASX 200 ของออสเตรเลีย (-1.6%)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *