เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 เม.ย.2568 ที่รัฐสภา นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับการปัจจุบัน แถลงความคืบหน้าการพิจารณายกเลิกคำสั่งคสช.

นายจาตุรนต์เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการได้ทำงานอย่างเข้มข้นตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา โดยใช้หลักการของคณะรัฐมนตรีที่เสนอให้ยกเลิกประกาศคำสั่งคสช. 23 ฉบับ ที่หมดความจำเป็นหรือไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเสร็จสิ้นแล้ว และพร้อมเสนอเข้าสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ในต้นสมัยประชุมสภาฯหน้า

“เราคาดว่าจะผ่านการพิจารณาของทั้งสภาฯ และวุฒิสภาได้อย่างราบรื่น” นายจาตุรนต์กล่าว

ประธานคณะกรรมาธิการกล่าวต่อว่า ผลจากการทำงานได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทำให้สามารถยกเลิกคำสั่งคสช.ได้ถึง 55 ฉบับ ซึ่งมากกว่าจำนวนเดิมที่กำหนดไว้ 23 ฉบับ ทำให้เหลือคำสั่งคสช.ที่ยังค้างพิจารณาอีก 22 ฉบับ

ในจำนวน 55 ฉบับที่ยกเลิกไปนั้น ครอบคลุมคำสั่งสำคัญหลายประการ เช่น คำสั่งที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก อย่างประกาศคสช.ฉบับที่ 49/2557 เกี่ยวกับความผิดสำหรับการสนับสนุนทางการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ให้การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน

นอกจากนี้ยังมีคำสั่งที่เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ราชการในการละเมิดสิทธิประชาชน เช่น คำสั่งคสช. 13/2559 เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการ ที่ให้อำนาจข้าราชการใกล้เคียงกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถเรียกบุคคลมารายงานตัว จับกุมหรือเข้าไปในเคหสถาน เพื่อตรวจยึดทรัพย์สินและควบคุมตัวบุคคลได้ไม่เกิน 7 วัน

“คำสั่งเหล่านี้สร้างปัญหาร้ายแรงและส่งผลต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงาน เราจึงพิจารณายกเลิกทันที” นายจาตุรนต์กล่าว

สำหรับประกาศ/คำสั่ง คสช.ที่ยังคงเหลืออีก 22 ฉบับนั้น นายจาตุรนต์อธิบายว่าเนื่องจากบางฉบับมีเนื้อหาซับซ้อน ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือเป็นเรื่องนโยบายทางบริหาร รวมถึงบางฉบับจำเป็นต้องตรากฎหมายใหม่ขึ้นมาทดแทน หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันให้สอดคล้องเสียก่อน จึงจะยกเลิกได้

“งานส่วนนี้จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐสภาที่จะต้องร่วมมือกันล้างมรดกนี้ให้สำเร็จ” ประธานคณะกรรมาธิการกล่าวทิ้งท้าย