กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งรุดสืบสวนคดีอาคารก่อสร้าง 30 ชั้น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลังพบร่องรอยความไม่โปร่งใสในกระบวนการประมูลและส่อเค้านอมินีกรรมการผู้ถือหุ้นบริษัทรับเหมา ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายเข้าสู่วันที่ 13 แล้ว

เบาะแสนอมินี-ฮั้วประมูล

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนว่า พบเบาะแสสำคัญจากญาตินายมานัส ศรีอนันท์ หนึ่งในสามกรรมการผู้ถือหุ้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าเป็นเพียงพนักงานขับรถส่งของเท่านั้น ไม่น่ามีสถานะผู้ถือหุ้นจริง ส่อเค้านอมินี

ทั้งนี้ การประมูลโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. พบว่าบริษัทดังกล่าวเสนอราคาต่ำกว่ากลางถึง 400 ล้านบาท จาก 2,500 ล้านบาท เหลือเพียง 2,100 ล้านบาท ทำให้ส่อว่าอาจมีการลดสเปกวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน

ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่าวันนี้ได้รับสนับสนุนเครื่องมือหนักเพิ่มเติม ได้แก่ รถเครนขนาด 1,000 ตัน และรถแบ็กโฮยักษ์ เพื่อเร่งรื้อถอนซากอาคาร ลดความสูงซากได้ 3-4 เมตรแล้ว ช่วยให้การค้นหาผู้สูญหาย 72 ราย จากทั้งหมด 103 ราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในวันที่ 10 เม.ย. จะมีการจัดพิธีสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต โดยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เป็นประธาน มีพระสงฆ์ 103 รูปร่วมพิธี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่

ดีเอสไอลงพื้นที่เก็บหลักฐาน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ดีเอสไอ นำทีมลงพื้นที่เก็บตัวอย่างวัสดุก่อสร้างในซากตึกอย่างละเอียด ทั้งเหล็กเส้น คอนกรีต และดิน เพื่อตรวจสอบมาตรฐาน ก่อนประชุมสรุปผลกับหน่วยงานเกี่ยวข้องที่สน.บางซื่อ

ขณะเดียวกัน ดีเอสไอยังได้รับข้อมูลสำคัญจาก 1 ใน 11 กิจการร่วมค้าของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างบริษัทและกระบวนการประมูล โดยดีเอสไอจะกันบุคคลดังกล่าวเป็นพยานในคดี