ไทยผลักดันความร่วมมืออาเซียนด้านประกันภัยพิบัติ เผ่าภูมิชูโมเดล DRFI รับมือแผ่นดินไหว-อุทกภัย
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยแนวคิดสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน (AFMM) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนากลไกความร่วมมือด้านการเงินและการประกันภัยเพื่อรองรับภัยพิบัติ (Disaster Risk Financing and Insurance: DRFI) ในระดับภูมิภาค
รมช.คลังระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดในเมียนมาและไทยเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ ทั้งในแง่ชีวิต ทรัพย์สิน และความมั่นคงของประชาชน โดยเสนอแนวคิดว่า “ภัยพิบัติไม่รู้จักพรมแดน กลไกของเราก็ไม่ควรหยุดแค่พรมแดนเช่นกัน”
ความคืบหน้ากลไก DRFI ของอาเซียน
ไทยได้เข้าร่วมโครงการ ADRFI-2 (ASEAN Disaster Risk Financing and Insurance Phase 2) ซึ่งช่วยพัฒนาระบบประเมินความเสี่ยงอาคารระดับประเทศ และสร้างแนวทางจัดหาแหล่งเงินชดเชยความเสียหายจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะหลังบทเรียนจากมหาอุทกภัยปี 2554 ที่นำไปสู่การจัดตั้งกองทุนประกันภัยพิบัติแห่งชาติ (National Catastrophe Insurance Pool)
นอกจากนี้ ไทยยังผลักดันให้ Fin Hub ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการเงินภัยพิบัติของอาเซียน โดยเน้นเครื่องมือสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
- ระบบประกันภัยต่อ (Reinsurance) เพื่อกระจายความเสี่ยงสู่ตลาดโลก
- ฐานข้อมูลความเสี่ยงระดับภูมิภาค
- กลไกตอบสนองฉุกเฉินแบบบูรณาการ
ทิศทางความร่วมมือในอนาคต
ผู้นำอาเซียนเห็นพ้องต้องกันว่า ภูมิภาคนี้มีความเสี่ยงสูงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยข้อมูลจาก ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance ระบุว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อาเซียนประสบความเสียหายจากภัยพิบัติรวมกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ คาดว่ากลไก DRFI จะช่วยลดระยะเวลาฟื้นฟูหลังภัยพิบัติได้ถึง 30-40% และลดภาระงบประมาณรัฐลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแผนขยายความคุ้มครองไปยังภัยพิบัติรูปแบบใหม่ เช่น ภัยแล้งและพายุรุนแรง ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ