วิกฤตเศรษฐกิจ-การเมืองไทย ท่ามกลางแผ่นดินไหวและกำแพงภาษีสหรัฐฯ
สถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับวิกฤตหลายด้านพร้อมกัน ทั้งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนโยบายภาษีใหม่จากสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ สร้างความเสียหายอย่างหนักในกรุงเทพมหานคร โดยมีอาคารหลายแห่งถล่มลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน เนื่องจากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย
ด้านเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง โดยตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากจุดสูงสุดเกือบ 1,500 จุด มาเหลือต่ำกว่า 1,000 จุด สาเหตุหลักมาจากความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจที่ขาดความชัดเจน
ปัญหาเลวร้ายขึ้นเมื่อสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยถึง 36% ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคส่งออกซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทย
ในด้านการเมือง รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญกับความไม่เชื่อมั่นจากประชาชนอย่างกว้างขวาง ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นจากกรณีพิพาทเกี่ยวกับกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ที่อาจนำไปสู่การยุบสภา
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นพ้องว่า ปัญหาหลักของประเทศในขณะนี้คือการขาดผู้นำที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ โดยนายกรัฐมนตรียังต้องพึ่งพาบารมีของ “พ่อ” ซึ่งทำหน้าที่เสมือนนายกรัฐมนตรีคนที่สองในการบริหารประเทศ
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากจากผลกระทบของแผ่นดินไหวและความไม่มั่นคงทางการเมือง
หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงทิศทางของประเทศในอนาคต เนื่องจากยังไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังเผชิญอยู่